ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch)
มาถึง Top of Europe หรือ สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป ที่สถานี Jungfraujoch ก็ลงมาเดินเล่นชมวิวสวยๆ กัน (แผนทีและวิธีเดินทางมายัง Jungfraujoch)
วิธีเดินเที่ยว Jungfraujoch แบบง่ายๆ คือ เริ่มจาก เดินตามป้าย Tour ไปเรื่อยๆ จะวนครบแบบไม่หลง |
จุดแรกเริ่มจาก Jungfrau Panorama วิวจำลองมุมมองแบบ 360 องศา ให้ยืนตรงเครื่องหมายเท้าที่พื้นแล้วมองไปรอบๆ จะเป็นภาพสามมิตในห้องโถงใหญ่ เหมือนเป็นออเดิร์ฟ ก่อนไปดูของจริง |
จากนั้นเดินขึ้นบันไดไปเพื่อไปชมวิวกันต่อตามป้าย Tour แนะนำให้มาเช้าๆ รอบแรกๆ เลย ไม่งั้นเจอทัวร์จีนบุกไม่รู้ด้วยละเออ |
แวะถ่ายกับป้ายมุมบังคับ Jungfraujoch - Top of Europe ยอดเขาจุงเฟราความสูง 3,571 m / 11,782 ft |
เสร็จแล้วก็ออกไปโต้ลมที่หอคอย Sphinx สาเหตุที่เรียกว่า สฟิงซ์ก็เพราะว่า รูปร่างของหอคอยนี้ ถ้ามองจากไกลๆ มุมสูงแล้ว จะคล้ายๆ กับสฟิงซ์หน้าพีระมิดที่อียิปต์ |
คนเยอะอีกเหมือนเคย ตอนเช้านี้หมอกค่อนข้างลงจัด เดี๋ยวรอสายๆ น่าจะดีขึ้น |
ภาพตอนสายๆ ฟ้าเริ่มเคลียร์ แดดเริ่มออก ไปยังจุดชมวิวที่ Aletsch Glacier กันต่อมองไปเห็นธารน้ำแข็ง Aletschgletscher (ที่แอบมีหมอกคลุมอยู่) |
Zoom เข้าไปอีกหน่อย ธารน้ำแข็ง Aletsch นี้มีความยาวกว่า 24 กิโลเมตร |
มีความสวยงามตามธรรมชาติที่แปลกพิสดาร หาได้ชมได้ยาก จนได้รับรองจาก Unesco ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี 2001 |
ชมวิวกันอิ่มแล้ว ไปกันต่อที่ Alpine Sensation ห้องจัดนิทรรศการสวยๆ อธิบายถึงชีวิตผู้คนในแถบนี้ |
มีมุมสวยๆ ให้แวะชม แวะถ่ายรูปกันเพียบ |
จากนั้นก็เดินผ่านโถงใหญ่ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของที่นี่ |
เดิมเส้นทางแถบนี้ เป็นที่เลี้ยงสัตว์ของชาวบ้าน ต่อมามีการสำรวจเพื่อที่จะสร้างทางรถไฟ |
ร่องรอยการขุดเส้นทางในสมัยก่อนที่เก็บเอาไว้ให้เราได้ชมกัน |
จากนั้นไปกันต่อที่ Ice Palace หรือ ถ้ำน้ำแข็ง |
ถ้ำน้ำแข็งของที่ Jungfraujoch นั้น จะใหญ่โตกว่าที่อื่นๆ โดยเค้าจะขุดลึกลงไปจากธารน้ำแข็ง 30 เมตร |
มีการแกะสลักประติมากรรมน้ำแข็งให้ชมกันมากมาย |
อุณหภูมิก็ติดลบ หนาวกว่าด้านบนยอดเขาเสียอีก (บนยอดเขายังมีแดดส่อง ทำให้ไม่หนาวมาก) |
จุดสุดท้ายก่อนกลับที่ Plateau |
จุดชมวิวสวยๆ ที่เป็นลานกว้างให้เดินชมวิวกันก่อนกลับ |
พอแดดออกฟ้าใสๆ ก็ดูสวยขึ้นมาทันตา |
ปิดท้ายกันด้วยตารางเวลารถไฟออกขากลับ พกติดตัวไว้ |