Bookmark and Share

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch)

ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch)

มาถึง Top of Europe หรือ สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป ที่สถานี Jungfraujoch ก็ลงมาเดินเล่นชมวิวสวยๆ กัน (แผนทีและวิธีเดินทางมายัง Jungfraujoch)

ยอดเขาจุงเฟรา
วิธีเดินเที่ยว Jungfraujoch แบบง่ายๆ คือ เริ่มจาก เดินตามป้าย Tour ไปเรื่อยๆ จะวนครบแบบไม่หลง

ยอดเขาจุงเฟรา
จุดแรกเริ่มจาก Jungfrau Panorama วิวจำลองมุมมองแบบ 360 องศา ให้ยืนตรงเครื่องหมายเท้าที่พื้นแล้วมองไปรอบๆ จะเป็นภาพสามมิตในห้องโถงใหญ่ เหมือนเป็นออเดิร์ฟ ก่อนไปดูของจริง

ยอดเขาจุงเฟรา
จากนั้นเดินขึ้นบันไดไปเพื่อไปชมวิวกันต่อตามป้าย Tour แนะนำให้มาเช้าๆ รอบแรกๆ เลย
ไม่งั้นเจอทัวร์จีนบุกไม่รู้ด้วยละเออ

ยอดเขาจุงเฟรา
แวะถ่ายกับป้ายมุมบังคับ Jungfraujoch - Top of Europe
ยอดเขาจุงเฟราความสูง 3,571 m / 11,782 ft

ยอดเขาจุงเฟรา
เสร็จแล้วก็ออกไปโต้ลมที่หอคอย Sphinx สาเหตุที่เรียกว่า สฟิงซ์ก็เพราะว่า รูปร่างของหอคอยนี้ ถ้ามองจากไกลๆ มุมสูงแล้ว จะคล้ายๆ กับสฟิงซ์หน้าพีระมิดที่อียิปต์

ยอดเขาจุงเฟรา
คนเยอะอีกเหมือนเคย ตอนเช้านี้หมอกค่อนข้างลงจัด เดี๋ยวรอสายๆ น่าจะดีขึ้น

ยอดเขาจุงเฟรา
ภาพตอนสายๆ ฟ้าเริ่มเคลียร์ แดดเริ่มออก ไปยังจุดชมวิวที่ Aletsch Glacier กันต่อมองไปเห็นธารน้ำแข็ง Aletschgletscher (ที่แอบมีหมอกคลุมอยู่)

ยอดเขาจุงเฟรา
Zoom เข้าไปอีกหน่อย ธารน้ำแข็ง Aletsch นี้มีความยาวกว่า 24 กิโลเมตร

ยอดเขาจุงเฟรา
มีความสวยงามตามธรรมชาติที่แปลกพิสดาร หาได้ชมได้ยาก จนได้รับรองจาก Unesco ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี 2001

ยอดเขาจุงเฟรา
ชมวิวกันอิ่มแล้ว ไปกันต่อที่ Alpine Sensation ห้องจัดนิทรรศการสวยๆ อธิบายถึงชีวิตผู้คนในแถบนี้

ยอดเขาจุงเฟรา
มีมุมสวยๆ ให้แวะชม แวะถ่ายรูปกันเพียบ

ยอดเขาจุงเฟรา

ยอดเขาจุงเฟรา
จากนั้นก็เดินผ่านโถงใหญ่ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของที่นี่

ยอดเขาจุงเฟรา
เดิมเส้นทางแถบนี้ เป็นที่เลี้ยงสัตว์ของชาวบ้าน ต่อมามีการสำรวจเพื่อที่จะสร้างทางรถไฟ

ยอดเขาจุงเฟรา
บุกเบิกเส้นทางโดย อดอล์ฟ กุยเยอร์ เซลเลอร์ ในปีคศ.1896 ใช้เวลาสร้างถึง 16 ปี เพราะเป็นเส้นทางรถไฟที่ก่อสร้างลำบากมาก เพราะต้องเจาะอุโมงค์เข้าภูเขาสูงชัน ส่วนงบประมาณที่ใช้ไปนั้นกว่า 15 ล้าน CF เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เค้าต้องเก็บค่าตั๋วเราแพงๆ (ซึ่งก็คุ้มค่ากับวิวทิวทัศน์สวยๆ ที่เราได้ชมกัน บวกค่าความยากลำบากของแรงงานของคนทำทางรถไฟสมัยก่อนนี่ น่าเห็นใจมาก)

ยอดเขาจุงเฟรา
ร่องรอยการขุดเส้นทางในสมัยก่อนที่เก็บเอาไว้ให้เราได้ชมกัน

ยอดเขาจุงเฟรา
จากนั้นไปกันต่อที่ Ice Palace หรือ ถ้ำน้ำแข็ง

ยอดเขาจุงเฟรา
ถ้ำน้ำแข็งของที่ Jungfraujoch นั้น จะใหญ่โตกว่าที่อื่นๆ
โดยเค้าจะขุดลึกลงไปจากธารน้ำแข็ง 30 เมตร

ยอดเขาจุงเฟรา
มีการแกะสลักประติมากรรมน้ำแข็งให้ชมกันมากมาย

ยอดเขาจุงเฟรา
อุณหภูมิก็ติดลบ หนาวกว่าด้านบนยอดเขาเสียอีก
(บนยอดเขายังมีแดดส่อง ทำให้ไม่หนาวมาก)

ยอดเขาจุงเฟรา
จุดสุดท้ายก่อนกลับที่ Plateau

ยอดเขาจุงเฟรา
จุดชมวิวสวยๆ ที่เป็นลานกว้างให้เดินชมวิวกันก่อนกลับ

ยอดเขาจุงเฟรา
พอแดดออกฟ้าใสๆ ก็ดูสวยขึ้นมาทันตา

ยอดเขาจุงเฟรา

ยอดเขาจุงเฟรา
ปิดท้ายกันด้วยตารางเวลารถไฟออกขากลับ พกติดตัวไว้